อุปกรณ์สำหรับการล้างรถยนต์ที่ต้องมี ได้แก่
1. น้ำยาหรือแชมพูล้างรถ
2. ฟองน้ำเนื้อละเอียดสำหรับล้างรถ
3. ผ้าไมโครไฟเบอร์หรือผ้าชามัวร์
4. แปรงล้างล้อรถยนต์ (ถ้ามี)
5. สายยางฉีดน้ำ
6. ถังน้ำจำนวน 2 ใบ (ผสมน้ำยา 1 ใบ และใส่น้ำสะอาด 1 ใบ)
อาจดูเหมือนเป็นการลงทุนเยอะในตอนแรก แต่ถ้าหารกับค่าล้างรถที่คุณต้องจ่ายทุกเดือนก็จะพบว่าถูกกว่ากันมาก
ขั้นตอนการล้างรถยนต์
1. จอดรถในที่ร่ม ไม่ล้างรถกลางแดด - การล้างรถกลางแดดจะทำให้ผิวรถยนต์ร้อนและแห้งเร็ว เกิดคราบน้ำบนผิวรถทำให้ล้างทำความสะอาดยากขึ้นและเสียเวลาเพิ่มอีก
2. ฉีดน้ำเพื่อขจัดคราบสกปรก - ขั้นตอนต่อมา ฉีดน้ำเพื่อให้เศษดิน เศษฝุ่น และเศษสกปรกต่างๆ อ่อนตัวลง และช่วยให้ทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องเปลืองแรงถู โดยเริ่มจากฉีดน้ำไล่จากด้านบนลงด้านล่างตัวรถ
3. ล้างส่วนล้อรถยนต์ก่อน - ล้อเป็นส่วนที่สกปรกที่สุด ควรล้างให้สะอาดก่อนเพื่อที่สิ่งสกปรกจากล้อจะได้ไม่กระเด็นไปโดนผิวรถ เพราะหากล้างล้อรถเป็นลำดับสุดท้าย ขณะที่กำลังล้างจะทำให้ผิวรถแห้ง และเกิดคราบน้ำบนผิวรถได้
4. เริ่มต้นทำความสะอาด - นำผ้าหรือฟองน้ำที่แช่ในน้ำยามาขัดทำความสะอาดผิวรถ เริ่มจากหลังคา ไม่ออกแรงขัดมากเกินไป เพราะจะทำให้รถยนต์เกิดรอยขีดข่วน หรือทำให้สีรถยนต์เสียหาย หลังจากล้างส่วนใดส่วนหนึ่งเสร็จ ให้ทำความสะอาดผ้าหรือฟองน้ำเพื่อกำจัดฝุ่นและเศษสกปรกต่างๆ ก่อนนำไปใช้ทำความสะอาดส่วนต่ออื่นๆ ต่อไป
5. ล้างน้ำยาออกจากตัวรถ - ฉีดน้ำสะอาดล้างคราบน้ำยาและสิ่งสกปรกออกจากตัวรถ โดยล้างจากบนลงล่าง
6. เช็ดรถให้แห้ง - ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์หรือผ้าชามัวร์เช็ดคราบน้ำออกจากตัวรถ ค่อยๆ ถูไล่ไปในทางเดียว หลีกเลี่ยงการถูไปมาหรือวนเป็นวงกลม ใช้ผ้าคนละผืนในการเช็ดรถแต่ละส่วน เพื่อความสะอาดและป้องกันไม่ให้เกิดคราบสกปรก
7. ปิดท้ายด้วยการทำความสะอาดกระจก - เช็ดกระจกให้สะอาดด้วยน้ำยาเช็ดกระจก เพื่อสร้างความ เงางาม
เพียงเท่านี้ รถของคุณก็กลับมาสะอาดดังเดิม ทั้งช่วยประหยัดเงินในกระเป๋า และยังเป็นการออกกำลังกายไปในตัวด้วย
Date : 04 Sep 2023