.... 1. สีของไฟ เราต้องรู้ก่อนว่า เราจะซื้อหลอดไฟไปเพื่อใช้กับห้องแบบไหน ฟังก์ชั่นการใช้งาน ของห้องแต่ละแบบ จะเป็นตัวกำหนดความเหมาะสมของสีหลอดไฟที่ซื้อ จะแบ่งเป็นสี 2 โทน คือ
Warm white (สีส้มๆเหลืองๆ)เหมาะกับการใช้งานในห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือห้องรับแขก เพราะ ให้ความรู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลาย จะมีหน่วยอุณหภูมิ อยู่ที่ 1,000 – 5,000K (K=Kelvin หน่วยอุณหภูมิของแสง)
Cool white (แสงออกสีฟ้าขาว)เหมาะกับการใช้งานในห้องทำงาน ออฟฟิศ หรือห้องที่ต้องใช้สมาธิ ใช้การมองเห็นมาก เพราะเป็นสีที่ให้ความสว่าง ให้การมองเห็นที่มาก จะมีหน่วยอุณหภูมิ อยู่ที่ 5,001 – 10,000K (K=Kelvin หน่วยอุณหภูมิของแสง)
.... 2. ขั้วหลอด คือ ส่วนที่เป็นโลหะสีเงินๆด้านล่างหลอด มีหลายแบบและหลายขนาด ขึ้นอยู่กับประเภทของหลอดไฟ แต่ที่ใช้กันทั่วไปก็คือแบบขั้วเกลียว E27 ซึ่งถือเป็นขนาดมาตรฐาน พบได้ทั่วไปในหลอดไส้ หลอด Compact Flurescence และหลอด LED หรือถ้าเป็นหลอดไฟที่มีราคาแพงขึ้นมาอีกหน่อย ขั้วหลอดก็จะมีหน้าตาที่ต่างออกไป เช่น หลอดฮาโลเจน(บางแบบ)ใช้ขั้วหลอดแบบเข็ม MR16 ซึ่งเป็นขั้วหลอดขนาดเล็ก ทำให้ตัวหลอดไฟมีขนาดเล็กตามไปด้วย โดยหลอดฮาโลเจนนี้ เหมาะที่จะใช้สำหรับส่องวัตถุในตู้โชว์ให้ดูโดดเด่นหรือต้องการเน้นวัตถุบางอย่าง แต่ไม่เหมาะกับการส่องที่คนเพราะทำให้เกิด ความร้อน
.... 3. วัตต์ (Watt) คือ หน่วยวัดกำลังไฟฟ้า ในที่นี้ สามารถเป้นตัวบ่งบอกถึงการกินไฟ ของหลอดไฟนั้นๆ ต่อชั่วโมง ยิ่งวัตต์มาก ก็จะกินไฟมาก และให้แสงสว่างที่มากด้วยเช่นกัน ดังนั้น จึงมีการคิดค้นหลอดไฟแบบประหยัดพลังงานขึ้นมา เช่น หลอดแบบ LED มีค่าวัตต์ที่น้อยกว่า กินไฟน้อยกว่า อายุการใช้งานยาวนานกว่า แต่ราคาก็แพงกว่าหลอดแบบอื่น
เพราะฉะนั้น เวลาเลือกหลอดไฟ ควรเลือกตามความต้องการความสว่าง วัตต์มาก ก็สว่างมาก เป็นต้น
Date : 04 Sep 2023